[รีวิว] Côte by Mauro Colagreco ห้องอาหารมิชลินสตาร์หนึ่งดาว ณ โรงแรม Capella Bangkok [ฉบับอัพเดท]

ตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปลายปี 2020 ที่ผ่านมา Côte by Mauro Colagreco ณ โรงแรม Capella Bangkok ก็ถือเป็นหนึ่งในห้องอาหารไฟน์ไดนิ่งที่เป็นที่นิยมอย่างมากในกรุงเทพฯ โดยหลังจากที่เปิดได้ประมาณหนึ่งปี ทางร้านก็ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว จากมิชลินไกด์มาเป็นที่เรียบร้อยค่ะ

ร้านนี้ ใช้ชื่อเชฟ Mauro Colagreco เชฟเจ้าของร้าน Mirazur ในฝรั่งเศสที่ได้รับรางวัลอันดับ 1 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลกจากลิสท์ World’s 50 Best Restaurants 2019 พร้อมรางวัลมิชลินสตาร์ 3 ดาวและรางวัลระดับโลกมากมาย โดยได้ส่งมือขวาอย่างเชฟ Davide Garavaglia ที่เคยเป็นถึง Chef de Cuisine ที่ Mirazur มาประจำการค่ะ

ถึงตอนนี้ เชฟ Davide ก็กลายเป็นขวัญใจฟู้ดดี้ชาวไทยเรียบร้อย ถ้าให้พูดง่ายๆ เลย ต้องบอกว่า ช่วงแรกๆ อาหารจะค่อนข้างไลท์ มีความเมดิเตอเรเนียนมากๆ และได้ยินมาว่า มีความเหมือนต้นฉบับที่ร้าน Mirazur มาก แต่บางท่านก็คิดว่ามันอาจจะเบาไปนิด (มีความเป็นอาหารทานกับไวน์อ่ะค่ะ) แต่หลังๆ นัทว่า เชฟทำอาหารรสชาติเข้มข้นขึ้น และถูกใจพาเลทฝั่งเอเชียมากขึ้นมากๆ ส่วนตัวนัทและคนใกล้ตัว ชอบทั้งสองแบบนะคะ เพราะไม่ว่าจะรสชาติไลท์หรือเข้มข้น อาหารของเชฟ Davide จะมีความบาลานซ์มากๆ และมีความกลมของกลิ่นและรสชาติ ที่มีคอมบิเนชั่นที่เราคาดไม่ถึงอยู่เรื่อยๆ เลยค่ะ

ตอนนี้ ทาง Côte จะไม่ได้ระบุรายการอาหารในเมนูนะคะ แต่สามารถแจ้งได้ว่าชอบทานอะไร ไม่ชอบทานอะไร ซึ่งมีช่วงนึงที่นัทมาทานทุกเดือน ก็ได้เมนูไม่ซ้ำนะคะ บางทีก็บอกไปได้ว่าจะทานไวน์ประมาณไหน เชฟก็ทำมาเข้ากับไวน์เลย

โดยเมนูจะมีให้เลือกระหว่าง Côte Inspiration 5 คอร์ส ราคาท่านละ 4,100.-++, Côte Experience 7 คอร์ส ราคาท่านละ 5,800.-++ และ Carte Blanche 9 คอร์ส ราคาท่านละ 6,500.-++ ค่ะ

ส่วนมื้อเที่ยงวันธรรมดาจะมี คอร์สมื้อเที่ยงที่เป็นคอร์สเล็กกว่าอย่าง Escapade Lunch 4 คอร์ส ราคาท่านละ 2,250.-++ ด้วยค่ะ รายละเอียดอื่นๆ เช่น ไวน์แพร์ริ่ง ชีสแพลตเตอร์ แพร์ริ่งเครื่องดื่ม สามารถชมได้บน เว็ปไซต์ Côtebkk.com เลยนะคะ

มาชม Côte Experience ล่าสุดที่เราไปมากันค่ะ

เริ่มแรก ที่ Côte เสิร์ฟ Amuse Bouche แบบจัดเต็มมาก 6 คำ ก่อนจะเข้าสู่คอร์สแรกค่ะ แล้วทำออกมาอย่างประณีตทุกคำเลย วันนี้เราเริ่มด้วย Bonito Tartare พอนสึกับยุสุเจล ตามด้วย Amaranth Cracker ไส้ Lardo ภาพถัดไปเป็น ทาร์ทมันฝรั่งด้านบนเป็นปลาหมึกหนึบนุ่ม มีความเฟรชมากค่ะ คำต่อไปพวกเราชอบกันมาก เป็นปลาคอดที่ทำแบบ deep fried และ cured โปะด้วย Oscietra Caviar ด้านบน ตามด้วย Beetroot Macaron ที่กลางเป็นชีสนมแพะกับแอปเปิ้ลเขียว ชิ้นนี้เสิร์ฟตลอดเลยค่ะ

Amuse Bouche ยังไม่จบ และคำนี้คือท็อปฟอร์มสุดๆ เป็นแฮมที่ทำจาก Swordfish ซึ่งมีความเข้มข้นรวมกับความหวานหอมของเมล่อนสุกได้อย่างน่าทึ่งเลยค่ะ

ถัดไปเข้าสู่คอร์สแรก จาก 7 คอร์สของเราในวันนี้นะคะ

Mediterranean Red Prawns / Almonds / Cherries / “Ajo Blanco” กุ้งแดงมีความอูมามิและหวานหนึบ ซอสใสมีโทนหวาน ตัดกับ Ajo Blanco ที่มาในรูปแบบสเฟียร์ และ เชอร์รี่ เข้ากันดีค่ะ

BBO Oyster / Chili & Garlic / Kaffir Lime จานนี้ก็ถือว่าพีคมากค่ะ หอยนางรมที่ย่างมาแบบยังเยิ้มและมีความครีมมี่ เทกเจอร์ดีมากกกก กลมกล่อมยาวนาน ซอส Pil Pil ผิวมะกรูดเพิ่มความหอมและมิติที่เข้ากับกลิ่นหอมของเห็ดผัดมากๆ

ตามมาด้วยขนมปัง Signature สูตรคุณยายของเชฟ Mauro ที่เสิร์ฟในร้านอาหารทุกร้านของเขา โดยเชฟบอกว่าเค้าต้องการรำลึกถึงความทรงจำในวัยเด็กและต้องการให้เกิดบรรยากาศของการแบ่งปัน ความรัก และความอบอุ่นขึ้นบนโต๊ะอาหารของร้านด้วยนั่นเอง

Lobster / Cherry Tomato / Marigold / “Oscietra” Caviar จานถัดไปที่ถือว่า Wow เช่นกันค่ะ Blue Lobster ที่สุกพอดี หวานฉ่ำ เสิร์ฟกับซอสดาวเรืองที่ให้กลิ่นหอมปลายๆ แปลกใหม่ เข้ากับไวน์ที่แพร์อย่างงดงาม

Hake Fish / Black Truffle / Smoked Shellfish Emulsion เนื้อปลานุ่มพันด้วยสาหร่ายที่ทำกับกระเทียมดำ หอมทรัฟเฟิลดีค่ะ

นอกจาก ขนมปังที่เสิร์ฟไปแล้ว ระหว่างคอร์สก็จะมีขนมปังอื่นๆ ด้วยค่ะ

Mimolette Ravioli / Bottarga / Green Peas แป้งราวิโอลี่นุ่มดีมาก มีความสด ซอสชีสที่รสชาติเข้มและเทกเจอร์ไม่ข้นเกินไป มีมิติของรสชาติครบทั้งความหวาน หอม ขม เทกเจอร์หลากหลายต่าง Bottarga และ Green Peas ค่ะ

Pigeon / Beetroot / Mulberries เข้าสู่เมนคอร์สสุดท้าย และที่นี่น่าจะเป็นหนึ่งในที่ที่ทำนกพิราบได้ดีที่สุดในไทยแล้วค่ะ นกพิราบปรุงสุกพอดี นุ้มเด้ง มีความเปรี้ยวจากซอสมัลเบอร์รี่ บาลานซ์กับ Jus เป็นอย่างดี มีความหวานจากบีทรูทที่มาเชื่อมกับเห็ดมอเรล และความหอมมันของนกพิราบค่ะ

ทางนัทเพิ่ม Cheese Platter เข้ามาก่อนที่จะจบที่ขนมหวาน และ Petite Fours ค่ะ Cheese Trolley ที่นี่มีตัวเลือกที่ดีมากเลยนะคะ เพราะมีทั้งชีสสำหรับคนที่อาจจะเพิ่งเริ่มทานหรือไม่ชอบชีสกลิ่นแรง ชีสทานง่าย แล้วก็มีตัวที่ถือว่า รสชาติเข้มข้น กลิ่นแรง ซึ่งก็จะมีคนที่ชอบแบบนี้ด้วย ถือว่าวาไรตี้ดีค่ะ

Coconut / Black Sesame / “Madras” Curry ขนมหวานวันนี้ มาแปลกมาก มีความงา ความ savory นิดๆ มีกลิ่นเครื่องมาดาสแบบอ่อนๆ ถ้านับ journey ที่ผ่านมาตลอดคอร์ส ต้องบอกว่า จบได้ดีมากๆ ค่ะ

ปิดท้ายด้วย Petite Fours ซึ่งวันนี้ ประกอบไปด้วย ช็อคโกแลตราสป์เบอร์รี่ พายเลม่อนเมอแรงค์ ชูซ์สัปปะรด และ มาการอง Basil Lemon ค่ะ


ห้องอาหาร Côte by Mauro Colagreco (โค้ท บาย เมาโร โคลาเกรคโค)

ตั้งอยู่ในโรงแรม Capella Bangkok (คาเพลลา กรุงเทพ) บนถนนเจริญกรุง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

เปิดให้บริการทุกวันพุธ – วันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์-วันอังคาร)
มื้อเที่ยง เวลา 12.00 – 14.00 น.
มื้อเย็น เวลา 18.00 – 22.00 น.

โทร. : 02-098-3888
อีเมล์ : [email protected]
เว็ปไซต์ : https://www.capellahotels.com/en/capella-bangkok/dining/cote-by-mauro-colagreco

error: